1. ปัญหาทางสายตา เช่น ต้อเนื้อ ต้อหิน ต้อกระจก และต้อลม ทำให้มองเห็นไม่ชัดอาจสะดุดล้มได้ง่าย
2. ภาวะกล้ามเนื้อน้อย เมื่อผู้สูงอายุแก่ตัวลงส่วนของกล้ามเนื้อในร่างกายจะลดลง อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเมื่อมีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำให้ทรงตัวไม่ดี หกล้มบ่อย ๆ เหนื่อยง่าย และลุกนั่งลำบาก
3. รองเท้าที่สวมใส่ การที่ผู้สูงอายุใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม เช่น รองเท้าส้นรอง รองเท้าส้นสูง รองเท้าหลวมหรือคับไป ทำให้การทรงตัวยากกว่าปกติ อาจสะดุดและหกล้มได้ง่าย
4. ความคล่องแคล่วลดลง ผู้สูงอายุจะมีการตอบสนองที่เชื่องช้ากว่าปกติ จะป้องกันตัวเองจากลื่นล้มได้ช้า
5. โรคประจำตัว ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน และยาบางชนิด เช่น ยาลดความดัน ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อ ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ง่วงหรือมึนงง เป็นเหตุทำให้เกิดการหกล้มได้ง่าย
1. ตรวจเช็คสายตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เมื่อผู้สูงอายุเข้ารับการตรวจเช็คสายตาเป็นประจำ จะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางสายตาในการมองเห็น
2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น หากผู้สูงอายุต้องกินยาที่มีอาการง่วงซึม เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดความดัน เมื่อกินแล้วควรให้ผู้สูงอายุนั่งพักหรือนั่งนิ่ง ๆ ไม่ลุกเดิน ทำกิจกรรมต่าง ๆ
3. อาหารที่มีประโยชน์ ให้ผู้สูงอายุรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ให้มากที่สุดในแต่ละมื้อ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมสูง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อในร่างกาย
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เมื่อผู้สูงอายุมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ และควรเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุคนนั้น ๆ เช่น ข้อเข่าเสื่อม ไม่ควรวิ่ง
5. เสื้อผ้าที่สวมใส่ ควรให้ผู้สูงอายุสวมหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่มีดีไซน์แปลก เช่น สั้นยาวไม่เท่ากัน ยาวมากเกินไป หรือตกแต่งมากเกินไป อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุสะดุดล้มได้ ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่พอเหมาะกับสัดส่วน มีความยืดหยุ่น ระบายอากาศได้ดี
การหกล้มในผู้สูงอายุ. (2557). ค้นจาก https://www.hsri.or.th/people/media/care/detail/5532
โรคเวียนศีรษะในผู้สูงอายุ. ค้นจาก https://www.bangkokinternationalhospital.com/th/health-articles/
